สวัสดีครับ วันนี้ผมกลับมาเขียนบทความใน Blog อีกครั้ง เพราะผมมองว่า BLOG จัดระเบียบได้ดีกว่า เพจใน FACEBOOK ค่อนข้างมาก
Blog สามารถ Tag แยกเป็นหมวดหมู่ และจัดเรียงหน้าเพจได้หลากหลายรูปแบบ มีลูกเล่นเยอะ ทำให้ค้นหาบทความเก่าๆได้ง่าย แตกต่างกับ FACEBOOK ที่โพสเก่าๆมักจะตกหล่นหลายไป กว่าจะหาเจอนี่หากันจนเหนื่อย
จุดประสงค์หลักในการเขียนบทความของผมก้อเพื่อ เขียนเก็บไว้ดูข้อมูลย้อนหลัง เพราผมเป็นคนขี้ลืมมากกกกกก :P
ยังไงเดี๋ยวผมจะค่อยๆอัพเดทและปรับแต่ง Blog นี้ให้น่าอ่านมากขึ้นนะครับ จะดึงบทความเก่าๆที่เก็บไว้ใน FACEBOOK มาแปะเก็บไว้ในนี้นะครับ หวังว่าผู้อ่านจะชอบกัน
เอาหล่ะเสียเวลามาเยอะแล้ว มาเริ่มเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
หุ้น EPG บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ:
EPG ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) มีการลงทุนหลักในธุรกิจแปรรูปพลาสติก ได้แก่
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อนและความเย็น ดำเนินการโดย บริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด (AFC) ซึ่งเป็นบริษัทแกน ภายใต้เครื่องหมายการค้า "AEROFLEX"
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนตกแต่งรถยนต์ ดำเนินการโดย บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด (ARK) ภายใต้เครื่องหมายการค้า "AEROKLAS" และ
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก ดำเนินการโดย บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด (EPP) ภายใต้เครื่องหมายการค้า "EPP"
ที่มา: สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน EPG
หุ้นตัวนี้ ผมได้ดูผู้บริหารมาออกรายการทีวี พอได้ฟังแล้วบอกได้เลยว่าเป็นบริษัทที่น่าสนใจมาก เพราะทางบริษัทได้พยายามคิดค้นสร้าง Innovation ใหม่ๆตลอด เช่นล่าสุด บริษัทได้พยายามสร้าง "Bowl Liner" หรือ ที่รองจาน ชาม แบบใช้แล้วทิ้ง ตามร้านอาหารจานด่วนต่างๆจะได้ไม่ต้องล้าง เพียงแค่นำ Bowl Liner ซึ่งเป็นพลาสติคบางๆ ไปวางซ้อนบน จาน ชาม แล้วเสริร์ฟอาหารได้เลย เมื่อลูกค้าทานเสร็จก้อหยิบไปทิ้งได้เลย ซึ่งประหยัดเวลาและค่าล้างจานไปได้
และก้อยังมีสินค้าดีๆที่น่าสนใจมากมาย ตามรูปข้างล่างเลย
ที่มา: Fact Sheet 2Q15
ส่วนเรื่องพื้นฐานกิจการ ดีสุดๆครับ เนื่องจากวัตถุดิบหลักมาจากปิโตรเคมี เมื่อราคาน้ำมันลง EPG ได้ประโยชน์แน่นอน
มาดูกราฟกันบ้าง กราฟสวยมาก กำลังวิ่ง ATH กันเลย ช่วงนี้คงต้องรอให้ย่อ แล้วทยอยสะสมเพิ่ม
สรุปโดยรวม:
ผมมองว่าธุรกิจของ EPG น่าจะโตไปได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ราคาน้ำมันตกต่ำ จะส่งผลให้ margin ของบริษัทสูงขึ้น ดูได้จาก ปีนี้ที่ NPM เพิ่มเป็น 15.48% จากที่ก่อนหน้านั้นทำได้ราวๆ 9% เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก แล้วจะไม่ให้สนใจได้ยังไงหล่ะครับ
วันนี้คงพอแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้มีเวลาจะมาอัพเดทเพิ่มเติม :)
ใครมีความคิดเห็นยังไง ก้อเขียนกันเข้ามาแลกเปลี่ยนได้เลยนะครับ
สวัสดีครับ
No comments:
Post a Comment