Tuesday, March 12, 2013

Update หุ้น MDX

วันนี้ 12 มีนาคม 2013

MDX ปิดอยู่ที่ 22.10 บาท ค่อยๆขึ้นไปช้าๆ แบบไม่มี Volume หลังจากทะลุแนวต้านไปได้ (TF 30 Mins.) โดยที่ใน TF 1 Day ยังบีบตัวอยู่ในกรอบ 3 เหลี่ยม ซึ่งผมคิดว่ายังน่าจะไปได้อีก หลังจากเข้าซื้อเมื่อวานที่ 21.24 วันนี้  +ขึ้นมา 4% ก้อถือว่าใช้ได้สำหรับมือใหม่นะ :)  ถ้าผ่านแนวต้านที่ 22.6 ได้ก้อแจ่มหล่ะ


Monday, March 11, 2013

วิธีการทำ Trailing Stop

วิธีการทำ Trailing Stop เหมาะสำหรับหุ้นที่มีแนวโน้มที่ชัดเจนเท่านั้น
(Credit: http://www.youtube.com/watch?v=K0DRHmNKYpM)


ผมลองใช้ดูแล้วเห็นว่าได้ผลดีเลยเอามาแบ่งปันกันครับ

Technical: Rounding Bottom Theory

วันนี้เอาเทคนิคการดูกราฟ แบบ Rounding Bottom มาฝากครับ
เอามาจากเว็บนี้ครับ ไม่ได้คิดเอง ทำเองแต่อย่างใด
(http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noteperfect&month=03-2013&date=10&group=25&gblog=7)

 Rounding Bottom

Pattern Rounding Bottom เวลา Break ขึ้นมาพลังจะสูงมากจะขึ้นไปค่อนข้างร้อนแรง


รูปแบบกราฟ เรียงตัวไปเรื่อย จนเกิดเป็น Rounding Bottom
Volume Rounding ไปด้วยจะเป็นการ confirm
เจ๋งมาก !!!! ขอบคุณเว็บคุณโน้ต มา ณ ที่นี้อีกครั้ง
( http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noteperfect&month=03-2013&date=10&group=25&gblog=7 )

หุ้นสวยจากเซียน

พอดีแวะเข้าไป Blog ของคุณ Noteperfect มา เจอหุ้นสวยๆเลยอยากเอามา Share ครับ
(เครดิต: http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noteperfect&month=03-2013&group=25&date=11&gblog=10)





สุดยอดไปเลย
ปล. ตามลิ้งข้างบน ของ Blog คุณโน้ต มีเนื้อหาดีๆมากมายให้อ่าน แนะนำให้ลองแวะเข้าไปครับ :)

วิเคราะห์หุ้น MDX

ลักษณะธุรกิจ
บริษัทและบริษัทในเครือดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน โครงการของบริษัทและบริษัทย่อย ได้แก่ โครงการนิคมอุตสาหกรรม โครงการผลิตกระแสไฟฟ้า โครงการผลิตน้ำประปา รวมทั้งรับบริหารโครงการด้านอสังหาริมทรัพย์


มาดูกันว่ามันจะเป็น สามเหลี่ยมทองคำ หรือ สามเหลี่ยมเบอมิวด้า กันแน่ !!!!!
Volume เข้าเมื่อไหร่จัดเต็มแน่ !!!!!

วิเคราะห์ BIGC

หลังจากที่ตระเวนไปตามเว็บต่างๆ เพื่อหุ้นเด็ดมาวิเคราะห์มั่วๆ style ผม
ก้อได้หุ้นมาตัวนึงคือ BIGC เห็นเค้าว่า MAKRO มันขึ้นไปแล้ว BIGC ควรขึ้นตาม ก้อเลยลองเอากราฟมาตีเส้นดู  เออแฮะ กราฟแจ่มอยู่ พอตีมั่วๆได้ ตามนี้
ผมดูสัญญาณ 3 ตัวคือ
 1. MACD ขึ้นเหนือน้ำ ซื้อ ไม้แรก (ผมว่าจะแบ่งเป็น 2 ไม้ คิดเป็น 30% ของพอร์ท)
 2. ราคาทะลุแนวต้านที่ประมาณ 222 บาท ซื้อไม้ที่สอง
 3. ผมจะทำตามข้อ 1 และ 2 ก้อต่อเมื่อ Volume เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างน้อย 2 เท่า เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีแรงกระชากราคาขึ้น

ถ้าขึ้นจริงผมตั้งเป้าหมายในวันที่ขึ้น 10 % (ผมเทียบกับ % ที่ MAKRO ขึ้นอะ logic นี้ คิดเองมั่วๆเอา)

Time Frame ผมใช้ 30 นาทีนะครับ ไม่ถือนาน ไม่เซียน ถ้าผิดพลาด ออกได้เร็ว

มาลองดูกันครับ ว่าผลจะเป็นยังไง จะถูกหรือจะผิด ไม่น่านานเกินรอ 1-2 วันนี้แหละ :)

อ้อลืมไป ข้อมูลผมเอามาจากเว็บนี้ครับ (เอาแค่ชื่อหุ้นนั่นแหละ)
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=noteperfect&month=03-2013&date=10&group=25&gblog=8

Thursday, March 7, 2013

วิธีการคำนวณอัตราค่านายหน้าในการซื้อขายหลักทรัพย์

สวัสดีครับ วันนี้ผมนำเอาวิธีการคำนวณอัตราค่านายหน้าในการซื้อขายหลักทรัพย์ หรือเรียกกันสั้นๆว่าค่าคอม. นั่นเอง

หลายๆคนอาจยังสงสัยว่ามันคิดกันยังไง
ผมขอยกตัวอย่างของ บลจ. บัวหลวงหรือ BLS บัญชี Cash Balance และ เทรดเองทาง Internet มูลค่าซื้อขายต่อวันไม่เกิน 5 ล้านบาทนะครับ (พ่อคู้น เทรดทั้งเดือนยังไม่ถึงเลย >_< !!!) เพราะผมใช้อยู่ มาลองดูรายละเอียดที่ทาง BLS บอกไว้ในเว็บตามรูปข้างล่างนี้กันครับ


ใครอ่านแล้วเข้าใจก้อข้ามโพสนี้ไปได้เลยครับเทพมาก ส่วนคนที่ยังไม่เข้าใจ งั้นเรามาดูกันต่อเลยครับ
จากรูปนะครับ ดูตรงช่องสุดท้ายของบรรทัดแรก จะเห็นว่า Charge ที่ 0.15 % แต่ยังไม่หมดครับ มีดอกจันข้างล่างอีก (ข้าม Vat ไปก่อนนะครับเดี๋ยวอธิบายทีหลัง) มีค่าค่าธรรมเนียมเพิ่มอีก = 0.005 + 0.001+0.0018 = 0.0078%
ทีนี้ก้อเอามารวมกับ 0.15% ได้เท่ากับ 0.15+0.0078 = 0.1578 % = (0.001578) ครับ
เราก้อเอาค่านี้ (0.001578) ไป คูณกับ มูลค่าที่เราซื้อขายแต่ละครั้งได้เลย ได้เท่าไหร่ก้อเอาไปคิด VAT 7% เพิ่มอีก โดยเอาค่าที่ได้ไปคูณกะ 0.07 แล้วเอามารวมกันก้อจะได้ ค่า คอม. ทั้งหมดที่เราจ่ายไปครับ

อ่านแล้วอาจจะงง ลองมาดูตัวอย่างกันครับ

สมมุติ ผมซื้อหุ้น ABC ราคา 1.50 บาทต่อหุ้น จำนวน 100,000 หุ้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น =1.5 x 100,000 = 150,000 บาท
ดังนั้นผมต้องเสียค่าคอมทั้งหมดดังนี้

ค่านายหน้า
 = 150,000 x 0.001578
 = 236.70 บาท

แล้วต้องจ่ายค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ของค่านายหน้าอีกที
ภาษีมูลค่าเพิ่มของค่านายหน้า
 = 236.70 x 0.07
 = 16.57 บาท

ในการซื้อหุ้นครั้งนี้ผมต้องเสียค่า คอม. ทั้งหมด

 = 236.70 + 16.57 
 = 253.27 บาท

เป็นไงกันบ้างครับ หวังว่าคงจะพอเข้าใจกันนะครับ สงสัยตรงไหนก้อโพสถามมาได้เลยนะครับ ถ้าผมตอบได้ ก้อยินดีที่จะตอบให้ทันทีเลยครับ :)

ปล. อย่าลืมคำนวณ ค่า Commission ทั้งตอนซื้อและตอนขายนะครับผม

วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีคร้าบบบบบ !!!!!!

Wednesday, March 6, 2013

วิเคราะห์กราฟหุ้น MLINK


ลองมาดูกราฟ TF=30 Mins. ของ MLINK กัน 6 มีนาคม 2556


รอดูท่าทีราคาพรุ่งนี้อีกที เนื่องจากราคาบวกขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2556 ถึงวันนี้ 6 มีนาคม 2556 อยู่ที่ 31.07 %   โดยทำราคา New High ณ วันที่ 5/3/56 อยู่ที่ 2.50 บาท เพิ่มขึ้น 41.24 %
คำแนะนำ: ซื้อ เมื่อผ่านแนวต้านที่ 2.32 (อันนี้ตีเส้นแนวต้านมั่วๆเอาเอง อิอิ)
ราคาเป้าหมาย: 3 บาท ภายในสิ้นเดือนนี้ (อันนี้น้องบอกมาอีกที)
ใครเห็นว่าอย่างไร เข้ามา Comment ได้เต็มที่เลยครับ

อิทธิบาท 4 กุญแจแห่งความสำเร็จ

เมื่อวานผมได้มีโอกาสแวะไปร้าน นายอินทร์แถวบ้านมา ไปสะดุดตากับหนังสืออยู่เล่มนึงเข้า จัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ S2M หนังสือชื่อเจาะหุ้นเหล็ก เขียนโดยคุณ สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล นักธุรกิจหนุ่ม กับธุรกิจในกลุ่มเหล็ก เจ้าของบริษัท MILL CON STEEL PUBLIC (หุ้น MILL ในตลาดหลักทรัพย์) กับชีวิตพลิกผันต้องเข้ามาดูแลธุรกิจของทางบ้านที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ ประสบปัญหาขาดทุนกว่า 5 พันล้านบาท ตั้งแต่อายุ 23 ปี สืบเนื่องจากคุณพ่อเกิดป่วย เส้นเลือดแตกในสมองอย่างกระทันหัน จนเขาสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาส พลิกกลับมาเป็น ธุรกิจมูลค่ากว่า หมื่นล้านบาท!!!!!! รายละเอียดเป็นอย่างไร ผมแนะนำให้ไปหาซื้อมาอ่านดูครับ รับรองได้แง่คิดดีๆติดตัวแน่นอน

ในวันนี้ผมก้อเลยขอถือโอกาสนำเอาสาระดีๆจากหนังสือเล่มนี้มาฝากกัน คือหลักธรรมะ ได้แก่ อิทธิบาท 4 กุญแจแห่งความสำเร็จ ซึ่งเกิดจากการที่ คุณ สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับ พระมหาสมปองและท่านได้ให้ธรรมโอวาท ไว้ดังนี้;


อิทธิบาท 4 กุญแจแห่งความสำเร็จ

ฉันทะ สนใจ สนใจ ใฝ่เรียนรู้
วิริยะ เพียรสู้ เพียรสู้ ไม่รู้ถอย
จิตตะ ใส่ใจ ใส่ใจ ไม่เลื่อนลอย
วิมังสะ เฝ้าคอย เฝ้าคอย ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนา

เพราะธรรมะคือธรรมชาติ จึงทำให้เราคิดได้ ตกผลึกได้เป็นความรักในการทำงาน เป็นความตั้งใจในการทำงาน เป็นการอยู่ร่วมกันในองค์กร

ได้แง่คิดทางธรรมแล้ว ผมก้อขอฝากอีกหนึ่งแง่คิดดีๆทางโลกบ้าง จากหนังสือเล่มนี้อีกเช่นกันครับ ผมได้คัดลอกเนื้อหาบางส่วนจากท้ายเล่มของหนังสือเล่มนี้ มาดังนี้;

ผมว่า ความสำเร็จมันขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการจะเดินไปที่ตรงจุดไหน สิ่งที่ผมได้จากการได้รู้จักนักธุรกิจใหญ่ๆเก่งๆก้อคือ ความฝันของคนเหล่านี้ไม่เคยเป็นความฝันเล็กๆเลย แต่เป็นความฝันที่ใหญ่แบบไม่ธรรมดา และที่น่าสนใจกว่านั้นก้อคือ ความมุ่งมั่นและพลังที่ใช้ในการเดินไปสู่ฝันนั้น มันมากมายจนเราสามารถสัมผัสได้
ใช่ถ้าคุณได้รู้จักคนเหล่านี้ คุณจะได้สัมผัสความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และสิ่งนี้เองที่เป็นแกนในการขับเคลื่อนธุรกิจ จะเรียกมันว่าเป็น Passion ในการทำงานก้อว่าได้

ความแตกต่างระหว่าง ลูกจ้าง กับ เจ้าของ นอกจากผลตอบแทนที่แตกต่างกันมากมายแล้ว ก้อคือจุดนี้แหละ “Passion” คนที่ยิ่งใหญ่น้อยคนนักที่จะทำเพื่อเงิน สิ่งที่เขาทำก้อเพื่อสร้างความฝันของเขาให้เป็นจริง แล้วในท้ายที่สุดเดี๋ยวเงินก้อจะมาเอง

ทำงานเพื่องาน อย่าทำเพื่อเงินเพราะทำงานเพื่อเงิน คุณจะได้แค่เงิน แต่ทำงานเพื่องาน คุณจะได้งานที่สำเร็จตามฝัน และสุดท้ายเงินมันก้อจะมากกว่าที่คุณตั้งใจไว้เสียอีก

ไม่มีใครได้ทุกอย่างที่เราต้องการ เพียงแต่ในโลกแห่งทุนนิยมอย่างในปัจจุบันมันให้รางวัลความสำเร็จเกินคาดเสมอ
เดินตามเป้าหมายของคุณให้ดีที่สุด แล้วคุณจะได้ทุกอย่างตามมาเอง

 สุดยอดมากเลยใช่มั้ยครับ ผมหวังว่าทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่านบทความนี้ จะได้แง่คิดและนำไปใช้ทำความฝันของพวกเราให้เป็นจริงได้นะครับ สู้ สู้ !!!!

(เครดิต: เจาะหุ้นเหล็ก, สิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล, สำนักพิมพ์ S2M)

Tuesday, March 5, 2013

เทคนิคการมองหาหุ้นหลายเด้งของ Rakesh Jhunjhunwala





                 มีใครรู้จัก Rakesh Jhunjhunwala ไหมครับ เขาถูกขนานนามว่าเป็น Warren Buffet แห่ง India

จากเงินลงทุนในครั้งแรก ปี 1985 ตอนนี้เขามีทรัพย์สินมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญฯ จากการลงทุนแบบเน้นคุณค่าของเขา

นิตยสาร Forbes ปีล่าสุด 2010 เขาติดอันดับคนที่รวยที่สุดในอินเดีย อันดับ 51 และ อันดับโลกที่ 1062

ผมมีบทความของเขามาฝาก เรื่อง เทคนิคการมองหาหุ้นหลายเด้ง

Rakesh Jhunjhunwala’s tips on how to find multibagger stocks

Tip No. 1: Don’t Look For Multi-baggers
เขียนไม่ผิดครับ เทคนิคแรกสำหรับการมองหาหุ้นสิบเด้ง ก็คือ อย่ามองหาหุ้นสิบเด้ง อิอิ งงไหม

Rakesh บอกว่า อย่าปักธงว่าเราจะมองหาและเลือกลงทุนในหุ้น 2 เด้ง 3 เด้ง 10 เด้งเท่านั้น สิ่งที่ดีกว่าคือ การกลับไปใช้วิธีการลงทุนแบบดั้งเดิมยึดหลักของปรมาจารย์ทั้งหลาย อาทิ Benjamin Graham, Peter Lynch และ Warren Buffet

การบ้านที่คุณต้องทำก็คือ เลือกลงทุนในหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี และมีการเติบโตในอนาคต พอร์ตของหุ้นก็จะเติบโตหลายเด้งเองเมื่อเวลาผ่านไป

Tip No. 2: Don’t Look for Profits; Look For Sources of Profits
อย่ามองที่กำไร จงมองหาแหล่งที่มาของกำไร

Rakesh ให้ข้อคิดที่ว่า นักลงทุนทั่วไปมักจะยึดติดเกินไปกับยอดขายและกำไรรายไตรมาส และสนใจกำไรในระยะสั้นๆ อาจทำให้เราหลุดจากการมองภาพใหญ่ได้ (“That’s missing the wood for the trees”)

Rakesh แนะนำว่า “Look at the sources of Profits. What are the reasons that will give rise to Profits in the medium and long-term term”.

“Look at the factors and circumstances that will create an opportunity for business in the sector”.
 
Tip No. 3: Forget ‘Large Cap, Small Cap’ Nonsense – Look for Scalability of Operations:
ลืมหุ้นใหญ่ ลืมหุ้นเล็กซะ ไร้สาระ! จงมองหาสิ่งที่มันขยายได้

Rakesh ให้ข้อคิด 2 อย่าง อย่างแรก นักลงทุน-นักวิเคราะห์ทั่วไปมักจะถกเถึยงกันถึงว่า หุ้น large cap mid cap, small cap อันไหนดีกว่ากัน แต่ Rakesh บอกว่า “Forget all that and Look for Value”.

“If there is value in Large Cap, buy it. If there is value in Small Cap, buy it. But don’t obsess on irrelevant matters”,

- Tip No. 4: Give it Time, Be Patient:
จงอดทนและให้เวลากับมัน

นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่เช่น Warren Buffet เคยบอกว่า ระยะเวลาที่เราชอบในการถือครอง (หุ้น) คือ ตลอดไป

Rakesh ก็เช่นเดียวกัน แนะนำว่า “Give your investments time to mature. Be Patient for the World to discover your gems”.

Tip No. 5: Don’t get carried away by short-term aberrations:
อย่าใส่ใจมากนักกับการเบี่ยงเบนระยะสั้น

นักลงทุนทั่วไปมักสนใจแนวโน้มระยะสั้น เช่น ผลประกอบการรายไตรมาส Rakesh ตรงข้ามไม่ให้ความสนใจมากนักกับผลประกอบการรายไตรมาส ส่งที่เขาจะทำคือ การมองหา trend
ผลประกอบการรายไตรมาส จะบ่งขอกถึง trend ว่าจะเป็นอย่างไร
 
Tip No. 6: Invest in a business that you can understand:
จงลงทุนในธุรกิจที่คุณเข้าใจ

เหมือน VI ท่านอื่น คือเลือกลงทุนเฉพาะธุรกิจที่เราเข้าใจเท่านั้น
 
- Tip No. 7: Don’t worry about the macro stuff like fiscal deficit, inflation etc which are unknowable. Focus on what is knowable:
อย่ากังวลกับปัจจัยมหภาคมากนัก เช่น การขาดดุลการคลัง เงินเฟ้อ อื่นๆที่ไม่สามารถรู้ได้ จงสนใจกับสิ่งทีสามารถรู้ได้

Rakesh แนะนำว่า อย่าสนใจกับสิ่งที่ไม่สามารถรู้ได้ หรือแม้นว่ารู้แล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่จงมุ่งมั่นทุ่มเทพลังงานของคุณทั้งหมดไปกับสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ ดีเพียงพอ เช่น ธุรกิจของบริษัทที่คุณลงทุน

Tip No. 8: Don’t Try To Time The Market:
อย่าจับจังหวะตลาด

อย่าจับจังหวะตลาด เพราะคุณจะไม่สามารถหาจุดต่ำสุดของตลาดได้

ถ้าคุณหาหุ้นที่ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าแท้จริง ซื้อมันซะ!
 
Tip No. 9: If it’s cheap, buy it- Don’t pass up something cheap today in the hope that it will get cheaper tomorrow:
ถ้ามันถูกก็ซื้อมันซะ อย่าปล่อยสิ่งที่คิดว่าถูกวันนี้โดยคาดหวังว่ามันจะถูกกว่าในวันพรุ่งนี้

ถ้าคุณเห็นโอกาสในวันนี้ จงคว้ามันไว้ซะ! โอกาสดีเยี่ยมหลายครั้งหลุดลอยไปเพียงเพราะการผลัดวันประกันพรุ่ง
 
Tip No. 10: Don’t buy stocks that have a fixed return:
อย่าซื้อหุ้นที่มีรายได้คงที่

คำแนะนำอันนี้ ตอนแรกดูเหมือนน่าขำ เพราะคงไม่มีใครอยากซื้อหุ้นที่อยู่กับที่หรอก

แต่พบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่กับมองข้ามข้อแนะนำอันนี้ Rakesh ยกตัวอย่างของหุ้นพวกนี้เป็นพวกหุ้นของพวกบริษัท เช่น พวกขายไฟฟ้าหรือสาธารณูปโภค ที่ไม่สามารถที่จะมีกำไรมากกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้เท่านั้น

Tip No. 11: Ride your winners!!
ปล่อยให้หุ้นวิ่งทำกำไร

Rakesh แนะนำว่า อย่าขายหุ้นสิบเด้งของคุณทิ้งไป เพียงเพราะคุณคิดว่าหุ้นสิบเด้งของวันนี้จะไม่สามารถเป็นหุ้นยี่สิบเด้งได้ ในวันพรุ่งนี้
 
Tip No. 12: Concentrate, concentrate & concentrate!!

มุ่งมั่น มุ่งมั่น และ มุ่งมั่น

เป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักลงทุนว่า การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงแบบไข่ในตระกร้าหลายใบหรือตระกร้าใบเดียว อันไหนดีกว่ากัน

Rakesh เป็นพวกที่เน้นแนะนำให้ลงทุนในหุ้นที่เรามั่นใจเท่านั้นว่า จะมีผลตอบแทนดีกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ไม่สนใจการกระจายความเสี่ยงในหุ้นหลายตัว เพียงเพราะต้องการปกป้องพอร์ต
อ่านจบแล้วก้อลุยกันเลยครับ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน เป้าหมายอยู่ที่หุ้น 10 เด้งงงง!!!!!