Thursday, December 31, 2015

สรุปพอร์ต ปี 2015

ในที่สุดก้อจบสิ้นปี 2015 ซะที ปีนี้เป็นปีที่ SET ลงเยอะเหมือนกัน YTD -14.00% พอดิบพอดี เห็นมีแต่คนบ่นกันว่าปีนี้เป็นปีที่หินและเทรดยากลำบากกว่าปีก่อนๆมาก

แต่สำหรับผมตรงกันข้ามเลย เทรดมา 3 ปีพอดิบพอดี ปีนี้เป็นปีที่ทำได้ดีที่สุดเพราะ...ปีก่อนๆมันห่วยจัดอะ ถถถถถ....

  • ปีแรก 2013 ขาดทุนหนัก 
  • ปีที่สอง 2014 เสมอตัว 
  • ปีที่สาม 2015 ปีนี้เป็นปีแรกที่ทำกำไรได้

ปีนี้ต้องถือว่าได้เรียนรู้หลายเรื่องมากๆ ทั้งจากการอ่านหนังสือ การถามคนเก่งๆ และการนำความรู้ที่ได้ไปเทรดจริง

ปีนี้ SET ขึ้นแป๊บเดียวใน Q1 แต่หลัง Q1 เป็นต้นไป ถ้าดูจากกราฟจะเห็นได้เลยว่า แนวโน้มเป็นขาลงมายาวๆเลย มีเด้งแค่นิดเดียว โหดร้ายจริงๆ คนปกติ คนดีๆ เค้าคงไม่เทรดกัน

แต่ผมก้อได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า ในวิกฤติมันมีโอกาสอยู่จริงๆ หุ้นหลายตัวโตหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ยังมีเลย เช่น TASCO TIPCO บวกอย่างโหด ผมนี่ตกรถเต็มๆ เพราะฉะนั้นขยันทำการบ้านแล้วเทรดไปเถอะ ถ้าเก่งจริงเดี๋ยวก้อเจอหุ้นเปลี่ยนชีวิต

อีกเรื่องที่สำคัญคือ การเลือกเทรดเฉพาะหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี ช่วยได้มาก เพราะเวลาผิดทางมันมักจะไม่ลงรุนแรงมากนัก และเมื่อเทรดถูกทางผลตอบแทนที่ได้ก้อใช้ได้เลยทีเดียว ถึงแม้จะไม่หวือหวามากเหมือนหุ้นปั่น แต่แบบนี้สบายใจกว่าเยอะครับ

แนวทางในการเทรดในปี 2016 ผมคิดว่าคงยังยึดแนว Trend Following และแนวการเทรดแบบ Breakout เพราะดูแล้วถูกจริตที่สุด บวกกับการศึกษาเรื่องการดูพื้นฐานธุรกิจกับแนวโน้มให้มากขึ้น เพื่อจะได้กิน Trend ใหญ่ๆ

เรื่องสุดท้ายเท่าที่นึกออกคือ อย่าพยายามเดาตลาดเพราะเดาไปก้อไม่ถูก และข้อมูลพวก Macro หรือพวกข่าวปัจจัยภายนอกต่างๆ ส่วนผมพบว่าสามารถเอามาปรับใช้ได้จริงน้อยมาก เสียเวลาปล่าวๆ สู้เอาเวลาไปโฟกัสกับหุ้นรายตัว กับอ่านหนังสือเยอะๆดีกว่า ตลาดเป็นยังไงช่างมัน เพียงแค่ถ้าแนวโน้มมันแย่ก้อให้ระมัดระวังมากขึ้น คัทไวๆหน่อยแค่นั้น


เอาหล่ะทีนี้มาดู Performance ของปี 2015 กันบ้าง

รูปแรกเป็นข้อมูลจาก Bualuang iTracker YTD +19.68% เอามาแปะไว้ว่าเทรดจริงๆนะ ไม่ได้มั่วเน้อ

แต่ Bualuang iTracker มันยังไม่ได้ Adjusted ผมเลยขออ้างอิงผลการเทรดจากข้อมูลที่ผม Record เองใน Excel แทนนะครับ เพราะผม Adjusted ให้จบปีแล้ว ข้อมูลแม่นยำกว่า

ถ้าตาม Record ของผม

YTD : +19.13%  
ทำได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์คือต้องการ 40% Up เศร้าใจ

SET : -14.00% 
โหดดี ถือว่าปีนี้เอาชนะ SET ได้ 33.13% ก้อไม่เลวร้ายนัก

Drawdown from Peak : -4.99% 
ก้อไม่เลวร้าย ค่อยๆตามเก็บปี 2016 ละกัน

Maximum Drawdown : -18.49% 
โหดจริงๆ งงตัวเองเหมือนกันว่าปล่อยให้เกิดได้ยังไง ตรงนี้ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก เลวร้ายมากๆ ต้องมีวินัย ถ้าหลุด Stop Loss ต้องคัททันที เพื่อไม่ให้เกิดแบบนี้อีก

%Win (Winning Rate) : 33.74%
น้อยไปหน่อย ตั้งใจไว้ที่ราวๆ 40% แต่ไม่เป็นไร อันนี้ค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆได้ไม่ซีเรียสเท่าไหร่

Avg. Reward/Risk Ratio : 2.65 เท่า
จริงๆ Target ไว้ที่ 3 เท่า ถ้าทำได้ Performance จะดีกว่านี้มากเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะหุ้นในปีนี้แทบไม่ค่อยมี Trend ยาวๆเลย Ratio ตรงนี้เลยออกมาไม่ค่อยดีนัก

No. of Trade : 163 ครั้ง
เทรดเยอะแหะ แต่ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะตลาดเป็นขาลง เลยคัทบ่อย

สำหรับปีนี้ก้อคงมีแค่นี้ ยังไงเอาไว้ลุ้นกันใหม่ในปีหน้า

สามารถติดตามเพจของผมทาง Facebook ได้นะครับ ผมจะ Update บ่อยกว่าใน Blog

www.facebook.com/Sufficientinvestor

สวัสดีปีใหม่ 2016 ขอให้มีความสุขมากๆ และโชคดีในการเทรดครับ









Friday, December 18, 2015

VIBHA

ตัวนี้ตอนแรกก้อดูไว้เฉยๆ แต่ไม่เทรดเพราะราคามัน บาทกว่าๆ กลัวรับความผันผวนไม่ได้

มาวันนี้กราฟสวยมากๆเลยลองพยายามหาบทวิเคราะห์จากโบรคต่างๆ ก้อหาไม่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมไม่มีใครสนใจกัน หาข่าวเก่าๆมา ก้อได้แค่นี้อะ แต่โชคดีที่ VIBHA มา Opp. Day ไตรมาสนี้พอดี เลยสบายไป ไม่งั้นคงเหนื่อย

มาดูกราฟกันหน่อย ว่าทำไมมันน่าสนใจ ก้อพี่เค้าเล่นทำ ATH เลย ไม่น่าสนใจได้ไง แถมสร้าง Base มาสวยเลย คงไม่มีอะไรต้องบรรยาย แค่นี้ก้อสุดๆละ




มาลองดูตัวธุรกิจกันบ้าง

ลักษณะธุรกิจ :

โรงพยาบาลเอกชนที่ดำเนินการภายใต้ชื่อ โรงพยาบาลรามคำแหง มีโรงพยาบาลในเครือ 7 แห่ง เป็นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาให้บริการในระดับสากล





มาดูปัจจัยพื้นฐานกันบ้าง



ทุกอย่างค่อนข้างดูดีนะ แม้จะไม่ได้เทพที่สุด แต่กราฟบวกกับพื้นฐานก้อทำให้ VIBHA น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนการวิเคราะห์แบบละเอียดนั้นผมไม่ถนัด แถมค่อนข้างจะขี้เกียจด้วย ไว้ขยันเมื่อไหร่จะมาอัพเดทเพิ่มทีหลังนะครับ

Thursday, December 17, 2015

TACC

TACC

หุ้นน่าสนใจ พึ่ง IPO มาได้ไม่นานนักเมื่อ วันที่ 2 ธนวาคม 2558 นี่เอง

กราฟดูดีใช้ได้นะ แต่คงรอให้เบรค ATH ก่อนแล้วอาจจะเข้าตามไปดู



ลองมาดูตัวธุรกิจกันบ้าง


ลักษณะธุรกิจ:

TACC ประกอบธุรกิจจัดหา ผลิต และจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟ แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ 2 กลุ่ม ดังนี้

  1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนากับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ เครื่องดื่มในโถกดในร้าน 7-Eleven, เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงที่จัดจำหน่ายให้กับร้าน All Caf? ในร้าน 7-Eleven และผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนาเพื่อจำหน่ายเป็นครั้งคราวหรือตามฤดูกาล 
  2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ ชาเขียวพร้อมดื่มตรา "เชนย่า" (Zenya), กาแฟปรุงสำเร็จตรา "วีสลิม" (VSlim) ,เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงตรา "ชาช่า" (Sha Sha) ,ตรา "ณ อรุณ" (Na-Arun) และตรา "สวัสดี" (Sawasdee)






โครงสร้างรายได้:


ข้อมูลงบการเงิน:



สรุปปัจจัยความเสี่ยง:



ยังไงคงต้องรอดูงบปีนี้ทั้งปีอีกที ว่าดีขึ้นมั้ย ถ้าดีขึ้น ยอดขายเพิ่ม กำไรเพิ่ม ค่อยน่าสนใจ

ตอนนี้ถือว่าแปะรายละเอียดเอาไว้ก่อนก้อแล้วกัน

Tuesday, December 8, 2015

ASIMAR

Anomaly Case

พอดีนั่งทำการบ้าน Scan ไปเจอหุ้นตัวหนึ่งนั่นคือ ASIMAR ตัวนี้น่าสนใจ

ASIMAR

ลักษณะธุรกิจ:

ซ่อมเรือและต่อเรือ รวมถึงกิจการก่อสร้างงานด้านวิศวกรรมอื่น ๆ เช่น งานโครงสร้างเหล็กทางเดินผู้โดยสารสนามบิน การสร้างแท่นขุดเจาะน้ำมัน เป็นต้น



มาดูด้าน Technical กันก่อนเลย วันนี้ -6.74% แท่งแดงยาวเลย แต่วอลุ่มนิดเดียว แบบนี้เรียกว่าเกิดภาวะ Anomaly แล้ว ราคากับ volume ไม่สอดคล้องกัน แถมปิดวันที่ low เลย โหดจริงๆ รอดูพรุ่งนี้ ถ้าเด้งนี่น่าสนใจมาก


ต่อมาลองมาดูด้าน Fundamental กันบ้าง

ผมดูง่ายๆแบบพ่อค้า

  1. % รายได้โตกว่า % รายจ่ายมาก ดีสุดๆ
  2. % กำไรโต นี่ก้อสุดยอด
  3. รายได้โตขึ้น นี่ก้อเยี่ยม คนทำธุรกิจ บริษัทจะเติบโตยั่งยืน รายได้ต้องโต อันนี้คือหัวใจ
  4. % net profit margin โตขึ้น ตัวนี้เกิดได้จากหลายปัจจัย อาจยั่งยืนหรือไม่ก้อได้ แต่มันโตขึ้น ก้อดีสุดๆ
  5. กำไรดีมากเลยตั้งแต่ Q4 ปีที่แล้ว 







ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จะไม่ให้ผมสนใจได้ยังไง มันต้องมี Something แน่ๆ มารอดูกันเลย

ปล. หุ้นตัวไหนที่น่าจับตาเป็นพิเศษ ผมจะเอามาเขียนลง Blog นี้นะครับ เวลาจะย้อนกลับมาอ่าน มันง่ายกว่าใน Facebook

Monday, November 30, 2015

สรุปพอร์ตประจำเดือน พฤศจิกายน 2558

สรุปพอร์ตประจำเดือน พฤศจิกายน 2558




YTD: +16.10%

Drawdown from Peak: -7.41%

Max. Drawdown: -18.49%

Avg. Equity Gain: 1.21%

Avg. Equity Loss: -0.51%

Avg. Reward/Risk Ratio : 2.38 เท่า


(พวก Avg. Gain/ Loss ที่ผมยกมาสรุป ผมไม่ได้มองเป็นตัวๆนะครับ ผมมองเป็นผลตอบแทนเทียบกับทั้งพอร์ตเลย มันจะนิ่งกว่า สาเหตุเพราะ   ถ้าเราคิดเป็นรายตัวแล้วเฉลี่ย เกิดบางตัวซื้อนิดเดียวแต่กำไรเยอะ แค่นี้ค่าเฉลี่ยก้อเพี้ยนแล้วครับ แต่ถ้าเทียบกับมูลค่าพอร์ตเลยจะเห็นกันชัดๆเลยว่าได้มากได้น้อย)


ช่วงนี้เทรดยากจริงๆ ทั้งๆที่พยายามคุม position loss ไม่ให้สูงมากแล้ว แต่พอร์ตก้อยังค่อยๆไหลลงตาม SET อยู่ดี จนปัญญาจริงๆ

แต่การเทรดยากแบบนี้ก้อดี ทำให้ได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ตอนนี้ก้อพยายามไม่อวดรู้ ไม่พยายามคาดเดาตลาด เทรดนิ่งๆ ให้เห็นอะไรชัดๆก่อนค่อยทำตามระบบ เดี๋ยวลองมาดูผลกันอีก 1 เดือน มาดูว่าปิดปีนี้พอร์ตจะเป็นยังไงบ้าง

ขอให้ทุกท่านโชคดีในการเทรดครับ :)

ปล. ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อัพเดทอะไรมาก เพราะมัวแต่วุ่นๆกับการอัพเดท windows 10 ครับ เลยไม่มีเวลามาอัพเดทเลย


Friday, November 20, 2015

Portfolio Performance 20/11/15

สรุปพอร์ต 20 November 2015

พอร์ตช่วงนี้ไปไปไหนเลย YTD +21.05%  วนเวียนอยู่แถวๆ 20% +- มาเป็นเดือนๆแล้ว

ช่วงหลังๆคุม Drawdown ได้ดีขึ้น พยายามไม่ดื้อและไม่โลภ ถ้าอาการไม่ดีมักจะรีบคัททิ้งก่อน ปัญหาที่เจอบ่อยๆช่วงนี้คือ ใจแตก ชอบซื้อหุ้นปั่นเล่น เพราะเห็นมันวิ่งแรงดี แต่สุดท้ายก้อได้บทเรียนว่ามักจบไม่สวย ก้อดีไปถือว่าเสียค่าครู








Getting Start

จุดประสงค์ในการทำเพจ "SUFFICIENT INVESTOR"

       
        ผมเริ่มเทรดหุ้นมาได้ประมาณ 3 ปี ช่วงแรกๆที่เทรดผมก้อทำเหมือนๆกับคนส่วนใหญ่ คือเริ่มหากรุ๊ปไลน์ หาเพจหุ้นในเฟสบุ๊ก แล้วก้อกด Like กด Follow ตามอ่านข่าววงใน(เขาว่างั้น) ซื้อหุ้นตามเซียนที่ใบ้หุ้นในเพจ ตามอ่านเพจที่เค้าสอนเทรด ตามอ่านกระทู้ต่างๆที่ห้องสินธรใน Pantip ซึ่งแต่ละคนก้อมีวิธีที่แตกต่างหลากหลายมาก ผิดถูกไม่รู้ ไม่มีผลงานอะไรมาการันตีเลย

             
แต่น่าแปลก เพราะมีสิ่งหนึ่งที่เพจเหล่านี้ไม่มีเหมือนๆกัน นั่นก้อคือ การวัดผล หรือการโชว์ Performance พอร์ตของตัวเอง ว่าได้กำไรหรือขาดทุน กี่เปอร์เซ็นต์ ผมคิดว่าแล้วยังงี้เราจะรู้ได้ยังไงหล่ะว่าเพจต่างๆที่เราติดตามนั้น เก่งจริงรึปล่าว สิ่งต่างๆที่สอนกันในเพจนั้น คนสอนเองนำไปใช้ได้ผลจริงมั้ย? เพราะหลายๆเพจ แจกหุ้นแต่ละวันนี่เยอะจริงๆ เยอะจนประเมินผลไม่ได้ ว่าหลายๆตัวที่ให้ไปนั้นได้กำไรจริงๆรึปล่าว และคงไม่มีใครมานั่งเก็บข้อมูลว่าหุ้นที่บอกมาทั้งหมด กำไรหรือขาดทุนกี่เปอร์เซ็นต์

บางเพจก้อสรรหารูปแบบการเทรดแปลกๆที่ฟังดู advance ใช้ indicator มากมาย แต่ไม่เห็นใช้ให้ดูจริงๆจังๆ แค่เกริ่นๆแล้วก้อบอกว่ามันดีจริงๆ แล้วก้อมาเปิดคอร์สชวนลูกเพจไปเรียนกัน ทั้งๆที่ผู้สอนก้อไม่เคยมีอะไรมาแสดงให้เห็นเลยว่าเก่งจริง ทำเงินในตลาดหุ้นได้จริงๆ แล้วอย่างนี้เราจะเชื่อถือเพจเหล่านั้นได้หรือครับ ?


ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเริ่มทำเพจ "Sufficient Investor" เพื่อเขียนเล่าเรื่องราวการเทรดของผม ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด วิธีการเทรด การเลือกหุ้น การแชร์ข่าวสาร หรือการวิเคราะห์ในรูปแบบของผมเอง บวกกับประสบการณ์ที่ค่อยๆสะสมและเรียนรู้ในการเทรดมาเป็นเวลาประมาณ 3 ปี สะท้อนออกมาเป็นผลลัพธ์ในการเทรดจริงๆ ตามความสามารถที่มีในขณะนั้น แล้วนำผลัพธ์ในการเทรดนั้นมาแชร์ในเพจด้วย


เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นว่าแนวทางในการเทรดของผมเป็นอย่างไรบ้าง Performance ดีหรือไม่ดีอย่างไร ผู้อ่านจะได้พิจารณาได้ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันเวิร์คหรือไม่เวิร์ค และผมก้อหวังว่าผู้อ่านจะได้มีความรู้สึกเหมือนได้มีส่วนร่วมไปกับการเดินทางในตลาดหุ้นของผมจริงๆ ยิ่งมีผู้อ่านเข้ามาร่วมแชร์ ร่วมแสดงความคิดเห็นในเพจ ผมก้อยิ่งรู้สึกยินดีครับ เหมือนกับได้เพื่อนร่วมเดินทางไปในการเทรด


สุดท้ายนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร กำไร หรือขาดทุน ทุกๆอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงจากการเทรดของผม และผมก้อหวังว่าผู้อ่านทุกๆท่านจะได้ประโยชน์ไม่มากก้อน้อยกับการติดตามเพจนี้ครับ



Thursday, November 19, 2015

Double Bottom Pattern



วันนี้เจอเคสน่าสนใจเลยอยากเอามาเขียนเก็บไว้อ่านนั่นก้อคือ Double Bottom Pattern
ทุกทีก้อเขียนโพสในเพจไปเรื่อยแต่พอจะกลับมาอ่านก้อหาไม่เจอ สุดท้ายพึ่งมารู้ว่ามี App Note ด้วย เออดีแหะ น่าจะหาง่ายขึ้นนะ ไม่ต้องเขียนทิ้งๆขว้างๆอีก

Double Bottom เป็น Price Pattern ที่ค่อนข้างดูง่าย เห็นชัดเจน ไม่มั่ว ไม่มโนแน่นอน เพียงแต่ต้องจำทฤษฎีของมันนิดหน่อย ซึ่งก้อมีไม่กี่ข้อดังนี้


  1. ก่อนหน้าที่จะเกิด Double Bottom หุ้นต้องมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นอย่างน้อย 30%
  2. ฐานต้องมีความลึกไม่เกิน 40%
  3. การสร้างฐานต้องมีระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 7 สัปดาห์
  4. จุดยอดตรงกลาง W ควรอยู่สูงกว่าครึ่งหนึ่งของฐาน และควรอยู่ต่ำกว่าจุดยอดของขาแรกทางด้านซ้ายมือ
  5. จุดต่ำสุดของขาที่สองควรอยู่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของขาแรก
  6. จุดเข้าซื้อคือจุดที่อยู่เหนือจุดยอดตรงกลางของ W
  7. ยายามอย่าซื้อไล่ราคาเมื่อราคาวิ่งไปเกิน 5% ของจุดที่ควรซื้อ (เหนือจุดยอดตรงกลางของ W) เพราะอาจโดน stop loss ได้ง่ายหากโดนเทขายลงมา เพราะซื้อแพงเกินไป
  8. วอลุ่มในวันที่เบรคเอาท์ขึ้นมาควรมากกว่า 40-50% เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน

ผมได้ลองยกตัวอย่าง PTG ขึ้นมาเนื่องจากว่ามันกำลังมีลุ้นที่จะเบรคพอดี รายละเอียดการวิเคราะห์ต่างๆ ผมเขียนไว้อยู่ในภาพหมดแล้ว ยังไงคงต้องมาลองติดตามดู แล้วค่อยมารีวิวอีกครั้งนึงครับ


อัพเดท PTG  9/10/15 มาตามนัด ถึงกับต้องแบ่งขายตัวอื่นมาเข้ากันเลยทีเดียว เพราะตังหมด หุหุ


อัพเดทสุดท้าย 19/11/15 จบด้วยการ False Breakout ถือว่า Fail ไป ก้อต้องทำใจ เพราะไม่จำเป็นว่าเมื่อเกิด Pattern แล้วหุ้นจะต้องวิ่งไปตามที่คาดหวังทุกครั้งไป มันเป็นเพียงความน่าจะเป็นเท่านั้น อันนี้ต้องจำไว้เสมอ ดังนั้นจึงต้องกำหนดจุด Stopp Loss ทุกครั้ง



หุ้น EPG


สวัสดีครับ วันนี้ผมกลับมาเขียนบทความใน Blog อีกครั้ง เพราะผมมองว่า BLOG จัดระเบียบได้ดีกว่า เพจใน FACEBOOK ค่อนข้างมาก

Blog สามารถ Tag แยกเป็นหมวดหมู่ และจัดเรียงหน้าเพจได้หลากหลายรูปแบบ มีลูกเล่นเยอะ ทำให้ค้นหาบทความเก่าๆได้ง่าย แตกต่างกับ FACEBOOK ที่โพสเก่าๆมักจะตกหล่นหลายไป กว่าจะหาเจอนี่หากันจนเหนื่อย

จุดประสงค์หลักในการเขียนบทความของผมก้อเพื่อ เขียนเก็บไว้ดูข้อมูลย้อนหลัง เพราผมเป็นคนขี้ลืมมากกกกกก :P

ยังไงเดี๋ยวผมจะค่อยๆอัพเดทและปรับแต่ง Blog นี้ให้น่าอ่านมากขึ้นนะครับ จะดึงบทความเก่าๆที่เก็บไว้ใน FACEBOOK มาแปะเก็บไว้ในนี้นะครับ หวังว่าผู้อ่านจะชอบกัน

เอาหล่ะเสียเวลามาเยอะแล้ว มาเริ่มเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า

หุ้น EPG บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)


ลักษณะธุรกิจ:

EPG ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) มีการลงทุนหลักในธุรกิจแปรรูปพลาสติก ได้แก่

  1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อนและความเย็น ดำเนินการโดย บริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด (AFC) ซึ่งเป็นบริษัทแกน ภายใต้เครื่องหมายการค้า "AEROFLEX"
  2. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนตกแต่งรถยนต์ ดำเนินการโดย บริษัท แอร์โรคลาส จำกัด (ARK) ภายใต้เครื่องหมายการค้า "AEROKLAS" และ
  3. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก ดำเนินการโดย บริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด (EPP) ภายใต้เครื่องหมายการค้า "EPP"

ที่มา: สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน EPG


หุ้นตัวนี้ ผมได้ดูผู้บริหารมาออกรายการทีวี พอได้ฟังแล้วบอกได้เลยว่าเป็นบริษัทที่น่าสนใจมาก เพราะทางบริษัทได้พยายามคิดค้นสร้าง Innovation ใหม่ๆตลอด เช่นล่าสุด บริษัทได้พยายามสร้าง "Bowl Liner" หรือ ที่รองจาน ชาม แบบใช้แล้วทิ้ง ตามร้านอาหารจานด่วนต่างๆจะได้ไม่ต้องล้าง เพียงแค่นำ Bowl Liner ซึ่งเป็นพลาสติคบางๆ ไปวางซ้อนบน จาน ชาม แล้วเสริร์ฟอาหารได้เลย เมื่อลูกค้าทานเสร็จก้อหยิบไปทิ้งได้เลย ซึ่งประหยัดเวลาและค่าล้างจานไปได้

และก้อยังมีสินค้าดีๆที่น่าสนใจมากมาย ตามรูปข้างล่างเลย


ที่มา: Fact Sheet 2Q15


ส่วนเรื่องพื้นฐานกิจการ ดีสุดๆครับ เนื่องจากวัตถุดิบหลักมาจากปิโตรเคมี เมื่อราคาน้ำมันลง EPG ได้ประโยชน์แน่นอน


มาดูกราฟกันบ้าง กราฟสวยมาก กำลังวิ่ง ATH กันเลย ช่วงนี้คงต้องรอให้ย่อ แล้วทยอยสะสมเพิ่ม


สรุปโดยรวม:

ผมมองว่าธุรกิจของ EPG น่าจะโตไปได้เรื่อยๆ  โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ราคาน้ำมันตกต่ำ จะส่งผลให้ margin ของบริษัทสูงขึ้น ดูได้จาก ปีนี้ที่ NPM เพิ่มเป็น 15.48% จากที่ก่อนหน้านั้นทำได้ราวๆ 9% เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก แล้วจะไม่ให้สนใจได้ยังไงหล่ะครับ

วันนี้คงพอแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้มีเวลาจะมาอัพเดทเพิ่มเติม :)

ใครมีความคิดเห็นยังไง ก้อเขียนกันเข้ามาแลกเปลี่ยนได้เลยนะครับ

สวัสดีครับ

Friday, February 27, 2015

กรณีศึกษา JMT

วันนี้ลองมาวิเคราะห์กราฟ JMT ดู แนว technical ล้วนๆ วิเคราะห์โดยวิธี VPA หรือ Volume Price Analysis + เทคนิคการดูวอลุ่มที่แนวรับ-ต้านของ Tim Ord
รายละเอียดตามที่อธิบายในรูปเลยครับ ราคาปิดเกินครึ่งแท่งก้อจริง แต่ปิดต่ำกว่าที่แนวต้านเดิม แถมวอลุ่มน้อยกว่าที่แนวต้านเดิมเยอะมาก
คาดว่าตัวนี้จะเบรคหลอกอีกเช่นกัน ยังไงมาติดตามผลกันอาทิตย์หน้า




Monday, February 23, 2015

เปรียบเทียบกลุ่มสินเชื่อ THANI, ASK, IFS, GL, TK

เห็นช่วงนี้วิ่งกันจัง เลยลองเอามาเปรียบเทียบดู เอามา 5 ตัว จริงๆมีเยอะกว่านี้ แต่ขี้เกียจ หุหุ

เท่าที่ลองดูจาก Fundamental เฉพาะตัวเลข แบบมั่วๆ ส่วนตัวชอบ IFS ที่สุด ตามด้วย ASK แล้วก้อ THANI ส่วน GL กับ TK ไม่ไหวนะ

ที่ชอบ IFS ที่สุดเพราะ มี Net Profit Margin (npm) ดีที่สุด และ ปี 2014 เพิ่มขึ้นด้วย แถม size เล็กกว่าเพื่อน คิดดอาเองว่าถ้าโต จะโตได้ไวและแรงกว่าเพราะตัวเล็ก

ส่วน THANI npm 2014 ลดลง แต่ REVENUE หรือรายได้เพิ่มขึ้น ผมว่าก้อยังโอนะ เติบโต ชอบ

ASK ตัวนี้งบ 4Q14 ยังไม่ออก แต่ดูจาก chart แล้วกำไรตัวนี้เพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ สวยงามที่สุด คิดว่างบน่าจะออกมาโอเคตามปกติ ไม่หวือวา


รูปข้างล่างเป็นกราฟ % การเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงเวลาที่ผ่านมาของ หุ้นทั้ง 5 ตัว ตามรูปเลยขี้เกียจอธิบายอะครับ --" คือ THANI เหวียงแรงสุดตั้งแต่ในอดีตละ ตามด้วย ASK (TK ไม่ดูแล้วนะ งบน่ากลัว) ส่วน IFS นี่ในอดีตนิ่งมาก ตอนนี้พึ่งมาระเบิด แถมเป็นตัวเดียวที่ทำ All Time High ด้วย ในใจแอบคิดนะว่าถ้า IFS วิ่งต่อ ตัวนี้แหละจะวิ่งแรงที่สุด แต่ช่วงนี้มันเหวี่ยงแรงมาก ยังหาจังหวะเข้าดีๆไม่ได้เลย


 สุดท้ายมาดูตัวที่ผมเข้าไปแล้วคือ THANI ตอนเข้าไม่ได้ดู Fundamental อะไรเท่าไหร่เลย กราฟมันสวย ผมชอบ เลยเข้าเลยตรงเส้นประสีเขียว Target ผมคงอยู่แถวๆ Hi เก่าคือ 4.70 โดยประมาณ ยังไงก้อมาตามลุ้นดู ASK ก้อเข้าไปแล้ว รอดูจะวิ่งมั้ย ส่วน IFS คงต้องหาจังหวะเข้าต่อไปให้ได้



วันนี้ก้อคงพอแค่นี้ก่อน ไว้ขยันจะมาอัพเดทสไตล์ มั่วๆ อีกครับ :)