1.
Financial Management
1.1.
พอร์ทการลงทุนต้องโตขึ้น
1.2.
ต้องสามารถถอนเงินออกมาใช้ได้ทุก Quarter
เพื่อสร้างเป็นกระแสเงินสดสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน
1.3.
ต้องไม่เทรดในจำนวนที่น้อยกว่าเดิม
1.4.
ต้องมีเงินสำรองใน Port อย่างน้อย 10% เพื่อชดเชยการสูญเสียจากการ
Cut Loss ที่ 5% ซึ่งจะทำให้มีเงินเข้าไปชดเชยส่วนที่
Loss และสามารถเทรดได้ไม่น้อยกว่าเดิมทุกครั้ง
1.5.
แบ่งเงินที่ได้จากการลงทุนใน Port ไปลงทุนซื้อหุ้นที่มีปันผลดีใน SET 50 และ นำไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกระแสเงินสดเพิ่ม
2.
Stock Investment
2.1.
เข้าซื้อหุ้นในจังหวะที่ Trend ชัดเจนเท่านั้น
2.2.
หาจังหวะเข้าซื้อในคลื่นลูกที่ 3 ตาม Elliot Wave แล้ว Let Profit Run เนื่องจากเป็นจังหวะที่เห็นแนวโน้มได้ชัดเจนที่สุด
และสามารถทำกำไรได้มากที่สุด
2.3.
หากแนวโน้มไม่เป็นไปตามที่คาด ให้ทำการ Cut loss (5%) ทันที เพื่อลดความสูญเสียทั้งเงินลงทุนและค่าเสียโอกาสหากต้องติดหุ้นเป็นเวลานาน
แล้วให้เข้าซื้อหุ้นสำรองที่วางแผนไว้แทน
2.4.
ไม่ควร มีหุ้นอยู่ใน Port พร้อมกันเกิน 5 ตัว เพื่อลดความยุ่งยากในการเฝ้าติดตามหุ้น และควรมีหุ้นสำรองไว้อย่างน้อย 2 ตัว สำหรับสับเปลี่ยนในกรณีที่หุ้น
4 ตัวใน Port ไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย
2.5.
ไม่เล่นหุ้นปั่น หรือหุ้นที่ไม่มีพื้นฐานมารองรับ
3.
Stock Investment
Plan
· แบ่งเงินลงทุนออกเป็น 2 ส่วน (หุ้น+เงินสำรอง) ดังนี้;
o
ส่วนที่ 1 คิดเป็นสัดส่วน 90 % ของเงินลงทุน สำหรับซื้อหุ้น 4 ตัว รายละเอียดดังนี้;
§ หุ้นตัวที่ 1: 30% (แบ่งการซื้อเป็น 2 ไม้
ไม้ละ 15%) (เมื่อ Cut Loss
จะ เสียหาย = 1.5 % ของ Port)
§ หุ้นตัวที่ 2: 30% (แบ่งการซื้อเป็น 2 ไม้
ไม้ละ 15%) (เมื่อ Cut Loss
จะ เสียหาย = 1.5 % ของ Port)
§ หุ้นตัวที่ 3: 20% (แบ่งการซื้อเป็น 2 ไม้
ไม้ละ 10%) (เมื่อ Cut Loss
จะ เสียหาย = 1 % ของ Port)
§ หุ้นตัวที่ 4: 20% (แบ่งการซื้อเป็น 2 ไม้
ไม้ละ 10%) (เมื่อ Cut Loss
จะ เสียหาย = 1 % ของ Port)
o
ส่วนที่ 2 คิดเป็นสัดส่วน 10% ของเงินลงทุน สำหรับ ชดเชยการสูญเสียจากการ
Cut Loss ที่ 5% ซึ่งจะทำให้มีเงินเข้าไปชดเชยส่วนที่
Loss และสามารถเทรดได้ไม่น้อยกว่าเดิมทุกครั้ง
· หา Risk Reward Ratio (RRR) ก่อนการลงทุนเพื่อประเมินผลการลงทุน
RRR = Risk / Reward < 1 แสดงว่าดี
= (ราคาซื้อ - จุด Stop Loss) / (ราคาเป้าหมาย - ราคาซื้อ)
No comments:
Post a Comment